บทความอัพเดทล่าสุด

ปลาช่อนเผาเกลือเนื้อหอมหวานอร่อย พร้อมสูตรน้ำจิ้มปลาเผารสเด็ด

ปลาช่อนเผาเกลือเนื้อหอมหวานอร่อย พร้อมสูตรน้ำจิ้มปลาเผารสเด็ด

“ปลาช่อนเผาเกลือ” (Salt-Crusted Grilled Fish) เป็นอีกเมนูปลาที่ใช้เครื่องปรุงน้อยไม่ต้องหมักหรือปรุงแต่งอะไรมาก เพราะเนื้อปลาช่อนมีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว แค่มีปลาช่อนตัวโตมาพอกเกลือให้ทั่ว ดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้หรือผักสมุนไพรอื่นๆ แล้วนำไปย่างด้วยไฟกลางๆ จนกระทั่งสุก พร้อมเสิร์ฟร้อนๆกับน้ำจิ้มรสเด็ดแซ่บๆ ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว น้ำพริกหนุ่มก็ได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าได้ผักมาทานเคียงด้วยแล้วยิ่งอร่อยข้ากันดีนัก ส่วนน้ำจิ้มปลาเผาก็ทำง่ายๆครับ…วัตถุดิบก็พื้นๆมีในครัวตู้เย็นทั้งนั้น
เมื่อพูดถึง “ปลาเผาเกลือ” นอกจากจะใช้ปลาช่อนได้แล้ว เรายังสามารถใช้ปลาทับทิม ปลานิล หรือแม้แต่ปลากระพงขาว ปลาหมอ ปลาสำลีก็ได้ครับ แล้วแต่ใครจะหาปลาชนิดไหนมาทำได้ ที่นิยมกันก็เป็นปลาช่อน ปลาทับทิม ปลานิลครับเพราะหาซื้อง่ายกว่าปลาชนิดอื่น ส่วนรสชาติเนื้อปลาต่างๆมีความหวานตามธรรมชาติ มีเสน่ห์แตกต่างกัน อันนี้แล้วแต่ความชอบ ส่วนผมชอบทานปลาช่อนกับปลาทับทิมเผาเกลือครับ…สำหรับสูตรวิธีทำ”ปลาช่อนเผาเกลือ เนื้อปลาหอมหวานอร่อย”ก็ตามนี้เลยครับ

ปลาช่อนเผาเกลือ

เครื่องปรุง
  • ปลาช่อนสดตัวอ้วนๆพอประมาณ (ขนาด 8-10 ขีดกำลังดี) 1 ตัว
  • เกลือป่นแบบธรรมดา (สำหรับพอกตัวปลา) 4 ห่อ
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้หอมๆต้นอวบๆ 2 ต้น
  • (หรือจะใส่สมุนไพรอื่นๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก ลงไปด้วยก็ได้ เพื่อดับกลิ่นคาวปลา ก็ตามสบายครับ)
เครื่องเคียงที่กินคู่กับปลาเผา
  • มะเขือยาว (เลือกลูกอ่อนๆ) แล้วก็นำมาเผาไฟให้สุก ลอกเปลือกออกตอนร้อน ๆ ใช้กรรไกรตัดเป็นท่อน ๆ เสิร์ฟคู่กับปลา
  • ประกอบด้วย เส้นขนมจีนเส้นสด, ทั้งผักสดหรือผักต้มต่างๆ เช่น มะเขือยาว, ผักกาดหอม, ผักกาดขาว และใบชะพลู ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ผักขึ้นฉ่าย ส่วนผักแกล้ม ก็มีใบสะระแหน่, โหระพา และแครอท เป็นต้น
วิธีทำปลาช่อนเผาเกลือ
  1.   นำปลาช่อนมาล้างทำความสะอาด ผ่าท้องควักไส้ แต่ไม่ต้องขอดเกล็ด (ปกติถ้าซื้อปลาตามตลาดทั่วไป เค้าจะทำมาให้ด้วย เพียงเราบอกแม่ค้าว่าจะเอาไปทำอาหารอะไร…เขาก็จะทำปลาที่เราซื้อให้ตามที่เราต้องการแล้วครับ) 
  2. นำปลาไปล้างให้สะอาด ทั้งในปาก ในเหงือก โดยเปิดก็อกน้ำแรงๆ ใส่เข้าไป อ้าปากปลา เหงือกปลา เพราะจะมีขี้โคลนอยู่ด้านใน ส่วนท้องก็ล้างให้สะอาด ถ้ามีเมือก ลื่นๆ เยอะๆ ให้เอาเกลือถูสัก1-2 รอบ ก็ได้ครับ (เพื่อกำจัดเมือกและกลิ่นเหม็นคาวปลาให้หมด) แล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง พักพอสะเด็ดน้ำ 
  3. นำตะไคร้มาล้าง ตัดโคนให้แหลมนิดหน่อย แล้วทุบพอแตก ยัดเข้าไปในปากปลาช่อนดันเข้าไปลึกๆจนสุดตัวปลา เพื่อดับกลิ่นคาว 
  4. ให้นำเกลือป่นกับแป้งสาลีมาผสมให้เข้ากัน (เพื่อให้เกลือเกาะติดตัวปลาง่ายขึ้น) 
  5. นำเกลือที่เตรียมไว้มาเทใส่กระบะหรือถาด แล้วเอาเกลือพอกย้อนเกล็ดปลาจากหางไปทางหัวปลา พยายามกดให้แน่น ๆ ให้เกลือแทรกเข้าไปในเกล็ดปลานะครับ (เคล็ดลับคือ ปลาต้องเปียกก่อนโรยเกลือ ไม่งั้นเกลือจะไม่เกาะ) แล้วพอกเกลือให้หนาและมิดตัวปลา (เกลือจะช่วยให้โปรตีนในเนื้อปลาอุ้มน้ำไว้ ไม่ให้ไหลออกมา ทำให้เนื้อปลานุ่มหวานอร่อย) แล้วทิ้งไว้ 20 นาที ก่อนจะนำไปย่าง 
  6. ตั้งเตาใส่ถ่านจุดไฟให้พร้อม พอถ่านเเดงจนเกือบทั่วทั้งหมด ให้เกลี่ยถ่านให้ทั่ว นำตะแกรงย่างวางบนเตา จากนั้นก็นำปลาขึ้นไปย่าง…ควรใช้ไฟกลางก็พอครับ (ไฟถ่านอย่าแรงมาก เพราะปลาจะไหม้นอกแต่ไม่สุกใน…ไฟอ่อนเกินไปเนื้อปลาก็ไม่สุกสักที) 
  7. แล้วก็เผาปลา…ประมาณ 30-60 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาดตัวปลา และความแรงของไฟ) พอเห็นเกลือและหนังปลาเริ่มสุก ไหม้หน่อย…ก็แสดงว่าสุกแล้ว ยกออกจากเตาได้เลยครับ 
    • เทคนิควิธีเผาปลาง่ายๆครับ เผาไปได้สักพัก…แต่ยังไม่ถึงกับสุกจึงค่อยกลับด้าน คือเอาแค่ด้านที่ถูกความร้อน ให้เกลือเป็นสีขาวเข้มพอ แล้วค่อยกลับด้าน เพราะถ้าจะรอให้สุกด้านนึงแล้วค่อยกลับด้าน อาจจะทำให้ปลาไหม้ได้ แต่ถ้ารีบกลับด้านโดยที่เกลือยังสีใสๆอยู่ จะทำให้เกลือหลุด ไม่เกาะเกล็ดปลาครับ 
    • แล้วหมั่นคอยพลิกปลาด้วยนะครับ อย่าให้ปลาไหม้ จะดำและไม่น่าทาน สังเกตุง่ายๆเวลาปลาสุกแล้วจะมีกลิ่นมาก่อนเลยครับ สักพักจะมีน้ำใสๆไหลออกมาจากตัวปลา ท้องปลา แต่ที่สุกยากที่สุดคือส่วนหัวครับ ถ้าหัวสุกต้องมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากปากครับ แต่อย่าพึ่งเอาขึ้นนะครับ ให้มันไหลจนเกือบแห้งเลยจึงจะนำขึ้นจากเตา...
    8.  ลอกเกลือและหนังปลาออก ตักเนื้อปลา นุ่ม ๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำจิ้มแจ่ว หรือน้ำพริกหนุ่ม ทานพร้อมผักพื้นบ้านอื่นๆ
read more

แกงเขียวหวานไก่ รสกลมกล่อมจัดจ้าน

แกงเขียวหวานไก่ รสกลมกล่อมจัดจ้าน

แกงเขียวหวานไก่เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันมาก ในหมู่ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง หรือรับประทานกับขนมจีนก็อร่อยไม่น้อย ซึ่งเนื้อสัตว์ที่จะนำมาทำแกงเขียวหวาน ก็สามารถทำเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ลูกชิ้นปลากราย หรือเมนูผักเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นเดียวกัน แกงเขียวหวาน มีความหอมของพริกแกง และความหอมของเครื่องเทศ มีรสหวานมันของกะทิ นิยมรับประทานกับข้าวสวยหรือขนมจีนก็จะเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น…ดังนั้น วันนี้เราจึงมีสูตรแกงเขียวหวานไก่รสชาติกลมกล่อมจัดจ้านมาฝากครับ ที่มีสูตรอร่อยๆดังนี้
 แกงเขียวหวานไก่ รสกลมกล่อมจัดจ้าน
 แกงเขียวหวานไก่ รสกลมกล่อมจัดจ้าน
  • เครื่องปรุงแกงเขียวหวานไก่
พริกแกงเขียวหวานผสมพริกแกงเผ็ดนิดนึง (ซื้อที่ตลาด…เดี๋ยวว่างๆจะเอาสูตรทำพริกแกงเด็ดๆมาฝากนะครับ)
สะโพกไก่ 500 กรัม
เครื่องในไก่ 500 กรัม (หรือมากกว่าได้ตามชอบ)
เลือดไก่ 1 ก้อน (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
มะเขือเปราะ 500 กรัม
มะเขือพวง 500 กรัม
พริกขี้หนูสวน 100 กรัม (โขลกหรือบด ให้พอละเอียด)
กะทิสด 1½ เอาเฉพาะหัว หรือจะใช้แบบกล่องก็เอากล่องขนาด 1000 มิลลิลิตร
ใบโหรพา 200 กรัม
พริกแดงเพื่อตกแต่ง 1 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้)
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ หรือ น้ำปลา
น้ำตาลปิ๊ป 2 ช้อนโต๊ะ

  • วิธีทำ
1. นำเนื้อไก่ เครื่องในและเลือดไก่ มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำเนื้อไก่ต่างๆมาหั่นให้ได้ชิ้นพอดีคำ
2. เตรียมผักต่างๆสำหรับปรุงอาหาร
มะเขือเปราะล้างและ ผ่าครึ่งหั่น สี่ ชิ้น แช่ในน้ำผมสมเกลือเพื่อไม่ให้มะเขือดำ จากนั้นก็เด็ดมะเขือพวงลงไปแช่รวมกันด้วย
ใบโหรพาเด็ดเอาแต่ใบล้างน้ำแล้วผึ่งในตระกร้าไว้
3. นำหัวกะทิมาผัดกับพริกแกงให้หอม คือเริ่มจากเอาน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ลงกระทะ จากนั้นนำพริกขี้หนูสวนที่โขลกแล้วลงไปเจียวให้หอมด้วยไฟอ่อน ตามด้วยพริกแกงลงไปผัดตาม ค่อยๆเติมหัวกะทิ ทีละทัพพี ให้ได้ 3 ทัพพี เคี่ยวให้กะทิแตกมัน (เหตุที่ใช้พริกขี้หนูด้วยก็เพื่อเพิ่มความเผ็ดหอม และไม่ให้น้ำแกงข้นเกินไปจากพริกแกงที่ใส่เยอะ)
4. จากนั้นให้ใส่ไก่ลงผัดให้พอสุก ตามด้วยเครื่องใน เติมเกลือ 1/2 ช้อนชา (ถ้าเกลือปรุงทิพย์ ให้ใส่ครึ่งช้อนชา หรือถ้าเป็นเกลือป่นสมุทร 1 ช้อนชา) ผัดให้พอสุก
5. จากนั้นให้เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟแรงให้เดือดสักพัก
6. ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวงลงไป หมั่นคนให้มะเขือจมน้ำแกงเพื่อมะเขือจะได้ไม่ดำ ทำให้น่าทาน จนมะเขือเริ่มสุก เติมน้ำปลา น้ำตาลปิ๊ป ลงไป ชิมให้ได้รสตามต้องการ ใส่ใบโหรพา เป็นลำดับสุดท้าย คนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง 
7. ตักเสิร์ฟรับประทานได้เลย…ที่เป็นแกงเขียวกวานไก่รสกลมกล่อมและจัดจ้าน สามารถทานกับขนมจีนหรือข้าวสวยร้อนๆได้แล้ว

  • คำแนะนำ
พริกขี้หนู พริกแกง เพิ่มลดตามความเหมาะสม กับวัตถุดิบ และความพอใจได้
ควรแช่มะเขือในน้ำที่ใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มะเขือดำ
มะเขือพวงควรบุบบ้างเล็กน้อย เพื่อให้น้ำแกงเข้าไปในเนื้อมะเขือได้
read more

แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง พร้อมเทคนิคเจียวไข่ชะอมให้อร่อย


แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง พร้อมเทคนิคเจียวไข่ชะอมให้อร่อย

เมนูอาหารไทย แกงส้ม ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง แกงส้มมะละกอปลา แกงส้มผักรวม แกงส้มแป๊ะซะ ถือว่าเป็นอีกเมนูที่ได้รับความนิยม เป็นอาหารจานโปรดของหลายๆ คน เมนูอาหารแกงส้มขั้นตอนการทำนั้นไม่ยุ่งยากอะไร แต่การทำให้อร่อยนั้น ต้องฝึกทำ ลองชิมลองปรุงรสด้วยตนเอง เนื่องจากแต่ละคนก็ชอบรสชาติที่ต่างกันออกไป แกงส้มถือเป็นเมนูที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ วันนี้เรามีสูตรแกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง ที่รับรองว่าอร่อยเด็ดแน่นอนมาฝากทุกท่าน
 แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง พร้อมเทคนิคเจียวไข่ชะอมให้อร่อย
 แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง พร้อมเทคนิคเจียวไข่ชะอมให้อร่อย

  • ส่วนผสม น้ำพริกแกงส้ม

พริกแห้ง 12-15 เม็ด (20 กรัม)
เกลือป่น 1 ช้อนชา
หอมแดง 5 หัวเล็ก
กระเทียมกลีบ 6 กลีบ
กระชาย 3 ราก
กะปิ 1 ช้อนชา
เนื้อปลาต้มสุก 1 ถ้วย  (150 กรัม)
วิธีทำ น้ำพริกแกงส้ม
เด็ดขั้วพริกออก หั่นซอยพริก หอมแดง กระเทียม กระชายให้เป็นชิ้นหยาบๆ เตรียมไว้
หากใช้ปลาสดให้นำปลาไปลวกในน้ำร้อนให้สุก จากนั้นแกะเอาแต่เนื้อ เอาก้างออกให้หมด แต่หากใช้ทูน่ากระป๋องสามารถนำไปใช้ในขั้นถัดไปได้เลย
โขลกพริก หอมแดง กระเทียม กระชายซอยหยาบ กับเกลือป่น ตำให้ละเอียด จากนั้นใส่กะปิ เนื้อปลาสุก โขลกให้เข้ากันดี เป็นอันเรียบร้อย ได้พริกแกงส้มเตรียมไว้ใช้ในขั้นถัดไป


  • เครื่องปรุงและส่วนผสม แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง

กุ้งสดขนาดกลาง 8-10 ตัว หรือประมาณ 200 กรัม (ทำความสะอาด, ปอกเปลือกให้เรียบร้อย)
ชะอม 1 กำมือหรือประมาณ 1 ขีด (เอาเฉพาะใบใช้ทำไข่เจียวชะอม)
ผักกาดขาวหรือผักชนิดอื่นก็ได้แล้วแต่ชอบ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
ไข่ไก่ 4 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)
พริกแกงส้ม 1 ถ้วยหรือประมาณ 1-2 ทัพพี
น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด


  • ขั้นตอนและวิธีทำ

ล้างกุ้งให้สะอาด แกะหัวกุ้งและเปลือกออก ผ่าหลังชักเส้นดำออก เตรียมไว้
ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จากนั้นใส่น้ำพริกแกงส้ม ใช้ทัพพีคนพริกแกงส้มให้ทั่ว รอจนเดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขาม เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ (ใช้น้ำตาลทรายแทนก็ได้ แต่ใช้น้ำตาลปี๊บจะได้รสชาติแกงส้มที่กลมกล่อมกว่า) คนน้ำแกงให้เข้ากัน ชิมรสให้มีรสเปรี้ยวนำ เค็ม หวาน
จากนั้นหั่นหรือฉีกผักกาดขาวเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในน้ำแกง (อาจจะใส่ผักชนิดอื่นก็ได้ ตามแต่ใจชอบ หรือไม่ใส่ผักก็ได้หากชอบทานเฉพาะไข่ชะอมอยู่แล้ว ข้ามไปขั้นตอนถัดไปได้เลย)
เติมกุ้งสดลงไปในขณะน้ำแกงเดือด พอกุ้งใกล้สุกให้ใส่ไข่เจียวชะอมทอดที่หั่นเตรียมไว้ (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูหัวข้อด้านล่าง) รอจนกุ้งสุก จึงปิดไฟ เติมน้ำมะนาวเพิ่มหากชอบรสเปรี้ยว เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ (สูตรนี้ สำหรับรับประทาน 2-3 ท่าน)

วิธีทำไข่เจียวชะอม เพิ่มรสชาติแกงส้มให้อร่อย :

         แกงส้มชะอมไข่จะอร่อยเพิ่มขึ้น เราจะต้องทอดไข่ชะอมให้กรอบ ฟู และเกรียมนิดๆ (แต่อย่าให้ไหม้เกรียมมากจะไม่อร่อย) เพราะจะช้วยให้น้ำแกงส้มมีกลิ่นหอมมากขึ้น รวมทั้งไข่ชะอมจะดูดซับน้ำแกงส้มได้ดี เวลาเคี้ยวจึงรู้สึกอร่อยเต็มคำ วิธีทอดไข่ชะอม มีดังนี้
ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว เติมน้ำมะนาว น้ำปลา เกลือป่นสักเล็กน้อย คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
เทไข่ลงในกระทะที่ใส่น้ำมันตั้งไฟพอร้อน ทอดไข่ชะอมให้เป็นแผ่นเหลืองทั้ง 2ด้าน พอไข่สุก นำออกมาสะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ พอดีคำ  เตรียมไว้นำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม

วิธีทำไข่เจียวชะอม เพิ่มรสชาติแกงส้มให้อร่อย
วิธีทำไข่เจียวชะอม เพิ่มรสชาติแกงส้มให้อร่อย


  •   เคล็ดลับความอร่อย

เนื้อปลาที่นำมาผสมกับพริกแกงส้มต้องล้างให้สะอาดและนำไปลวงให้สุกในน้ำเดือด ไม่อย่างนั้นจะทำให้แกงส้มมีกลิ่นคาวปลา
สามารถเปลี่ยนจากกุ้งเป็นเนื้อปลา เช่น ปลาช่อน หรือปลาอื่นๆ แทนได้ อร่อยเช่นกัน เนื้อปลาหรือกุ้งจะต้องสด ไม่เหม็นคาว และเวลาปรุงต้องใส่เนื้อปลาหรือกุ้งในขณะที่น้ำแกงเดือด จะช่วยลดกลิ่นคาว    
read more